ปัญหาสำคัญที่ร้านสะดวกซื้อ มินิมาร์ท หรือร้านที่มีประเภทของสินค้าเยอะมาก ๆ อย่างร้านเสื้อผ้าต้องเจอเหมือน ๆ กันก็คือ จะจัดร้านอย่างไรให้ดึงดูดลูกค้า ลูกค้าหาของที่ต้องการเจอได้ง่าย และตัดสินใจหยิบมาจ่ายเงินกลับบ้านได้ในคราวเดียว? ในบทความนี้ เรามี 7 เทคนิคดี ๆ ในการจัดร้านและบริหารสต๊อกด้วยเครื่อง POS สำหรับร้านสะดวกซื้อและร้านเสื้อผ้า รับรองว่า เมื่อเป็นระเบียบตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงหลังร้านแล้ว ยอดขายและลูกค้าประจำจะตามมาแน่นอน
1. แต่งร้านให้มีธีมเฉพาะตัว แถมไม่ทิ้งเรื่องความสะอาด
อันดับแรกเลย สิ่งที่ลูกค้าจะจดจำเกี่ยวกับร้านคุณได้และทำให้รู้สึกว่าอยากมาซื้อของอีกครั้งก็คือสไตล์การตกแต่งร้านที่ไม่เหมือนใคร เห็นแล้วนึกถึงทันที และให้ความรู้สึกสบายตา น่าเข้ามาใช้บริการ ซึ่งการตกแต่งนั้นไม่ได้หมายถึงแค่สีพื้น สีผนัง หรือการเลือกใช้ชั้นวางและราวแขวนให้เหมาะกับชนิดของสินค้า แต่ยังรวมไปถึงการใช้แสงไฟอย่างเพียงพอ ไม่มากไปหรือน้อยไป ใส่ใจความสะอาดของร้าน โดยเฉพาะร้านเสื้อผ้ายิ่งต้องปราศจากฝุ่นหรือขยะ บริเวณเครื่องคิดเงินหรือ POS ร้านค้าปลีกต้องมีขนาดกะทัดรัด ไม่รกตา หากร้านคุณดึงดูดให้ลูกค้าอยู่นาน ๆ ได้แล้วก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่สินค้าจะขายออก
2. ป้ายราคาและข้อมูลสินค้าถูกต้อง
หากคุณไปซื้อของแล้วราคาตอนจ่ายเงินกับป้ายบอกราคาที่ชั้นวางไม่ตรงกัน คุณคงหงุดหงิดใช่ไหม? ลูกค้าเองก็เช่นกัน ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจสอบป้ายราคาให้ตรงกับประเภทสินค้า พร้อมอัปเดตราคาโปรโมชันของสินค้าแต่ละชิ้นอยู่เสมอเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจทำให้ร้านดูไม่เป็นมืออาชีพ โดยใช้ระบบ POS สำหรับร้านเสื้อผ้าและร้านค้าปลึกที่ออกแบบมาให้รองรับการเพิ่มข้อมูลสินค้าจำนวนมาก ช่วยให้กระบวนการจัดการสินค้าและคิดเงินเป็นเรื่องง่ายและแม่นยำ
3. วางสินค้าขายดีไว้ที่ทางเข้า
เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการชอปปิง คุณอาจจัดรายการสินค้าขายดี หรือคัดสินค้าที่อยากทำยอดในแต่ละเดือนมาวางไว้ตั้งแต่ที่ทางเข้า และอาจนำไปแขวนหรือจัดวางไว้เรื่อย ๆ ตามจุดอื่น ๆ ของร้าน เมื่อลูกค้าเห็นสินค้าตัวเดิมบ่อย ๆ ก็อาจเกิดความอยากรู้อยากเห็น และอาจเปลี่ยนเป็นความอยากได้ในที่สุด
4. จัดวางสินค้าที่อยากขายมาก ๆ ไว้ในระดับสายตา
เวลาคนเราเดิน เรามีแนวโน้มที่จะโฟกัสแต่สิ่งที่อยู่ในระดับสายตา การจัดวางสินค้าในร้านค้าปลีกประเภทต่าง ๆ ก็เช่นกัน หากคุณอยากขายสินค้าตัวไหนมากเป็นพิเศษให้นำมาวางไว้บนชั้นที่ลูกค้าไม่ต้องก้มหรือเงย แต่สามารถมองเห็นได้เลยโดยไม่ต้องพยายาม แล้วค่อยไล่เรียงสินค้าหมวดหมู่เดียวกันลงมาในแนวดิ่ง
5. ขายให้สุดจนถึงนาทีสุดท้าย
เส้นทางการจับจ่ายของลูกค้าไม่ควรจะจบลงตั้งแต่ชั้นวางสินค้าชั้นสุดท้ายที่ลูกค้าเดินออกมา เพราะคุณสามารถยืดเวลาให้ลูกค้าซื้อสินค้าจนถึงวินาทีสุดท้ายได้โดยการวางสินค้าไว้ใกล้กับเครื่องคิดเงิน โดยอาจวางทั้งสินค้าราคาแพงควบคู่ไปกับสินค้าชิ้นเล็ก ๆ ราคาไม่สูงมากเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่าย เช่น ลูกอมดับกลิ่นปาก ทิชชู แคร็กเกอร์ บางที พนักงานยังไม่ทันเริ่มคิดเงินด้วยซ้ำ ลูกค้าก็หยิบของใส่ตะกร้าเพิ่มอีกชิ้นแล้ว
Bonus: ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณ “แคร์” โดยการแปะโน้ตเล็ก ๆ ไว้ใกล้กับสินค้าที่อยากขายเป็นพิเศษ เช่น หากร้านเสื้อผ้าอยากขายเบลเซอร์รุ่นออกใหม่ สามารถเขียนโน้ตไว้ว่า “ใส่ไปทำงานได้ลุคเกาหลีสุด ๆ” หรือร้านมินิมาร์ทอาจเขียนโน้ตไว้ที่น้ำผลไม้ว่า “เป็นห่วงนะ เติมวิตามินซีหรือยัง?”
6. จับคู่สินค้า #ของมันต้องมี ให้ครบเช็ต
อีกหนึ่งวิธีจัดร้านให้ได้ผลคือการจับกลุ่มสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกันเอาไว้เป็นเซ็ต เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายออกแบบ “ยกชุด” เช่น สำหรับร้านขายเสื้อผ้าอาจนำเสื้อกับกางเกงมาจับคู่แล้วสวมบนหุ่นหรือแขวนโชว์ไว้ด้วยกัน พร้อมติดป้ายซื้อเป็นคู่ได้ราคาดีกว่า หรือร้านไอศกรีมทำ Bundle Promotion เลือกไอศกรีมรสบราวนี่คู่กับวานิลลาในราคาพิเศษ เป็นต้น โดยหลังจากจับคู่ทำโปรโมชันแล้วอย่าลืมไปอัปเดตราคาในระบบ POS สำหรับร้านสะดวกซื้อ เพื่อจะได้สะดวกต่อการคิดเงิน
7. สต๊อกหลังร้านดี หน้าร้านก็ดีตามไปด้วย
สุดท้าย การที่คุณจะจัดวางสินค้าหน้าร้านได้เป็นระบบระเบียบนั้นต้องอาศัยการบริหารสต๊อกหลังร้านที่ดีและไม่สะดุดด้วย เพียงใช้ระบบบาร์โค้ดและ POS สำหรับร้านค้าปลีกในการเช็กสต๊อกและติดตามสินค้าในแต่ละขั้นตอนตั้งแต่ลงของ เก็บเข้าชั้น ไปจนถึงคิดเงิน จากนั้นระบบก็จะอัปเดตจำนวนและสถานะสินค้าได้แบบเรียลไทม์ จบปัญหาจำนวนสินค้าในระบบไม่ตรงสต๊อกจริง
ใครกำลังมองหาโซลูชันเครื่อง POS สำหรับร้านค้าปลีก ที่ Qashier เราให้บริการเครื่องคิดเงินและระบบ POS ที่ออกแบบมาเพื่อร้านสะดวกซื้อหรือร้านเสื้อผ้าที่มีประเภทของสินค้าหลากหลายโดยเฉพาะ ช่วยให้คุณจัดการทั้งหน้าร้าน หลังร้าน และโปรโมชันต่าง ๆ ในระบบได้เป็นระเบียบ แถมยังเพิ่มความประทับใจตลอดการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าจนอยากหยิบของใส่ตะกร้าไปคิดเงิน
